ในปี ๒๕๐๐ ยุคจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ เป็นยุคที่การเลือกตั้งที่ภาคใต้ไม่เรียบร้อย
สาเหตุเกิดมาจากพวกนักการเมืองที่สมัคร ส.ส. ได้ประกาศนโยบายออกมาตรงกันหมด ด้วยการประกาศว่า
ถ้าชนะการเลือกตั้ง จะแยกดินแดนออกมาเป็นประเทศ จะยกปัตตานีเป็นเมืองหลวง และยังได้ยกเอาพระ
ศาสนาขึ้นมาเป็นเครื่องมือหาเสียง สร้างกระแสให้ประชาชนเกิดความต้องการที่จะเป็นอิสระจากประเทศไทย
โจรก่อการร้ายได้ขยายอุดมการณ์จากป่าเข้าสู่เมือง
พุ่งตรงไปที่รัฐสภา โจรวางแผนเข้าไปปลุกระดม บุกถึงรัฐสภา
ในปีพ.ศ. ๒๕๐๐ นั้น มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่น่ารู้มากมาย
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ การเลือกตั้งทั่วไปเต็มไปด้วยการทุจริตหลายรูปแบบ พรรคเสรีม
นังคศิลาชนะท่วมท้น
๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ยึดอำนาจ ทำให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม หนีภัยหลบออกนอก
ประเทศ ต่อมาได้ถึงแก่กรรมที่ประเทศญี่ปุ่น
๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๐ มีการเลือกตั้งทั่วประเทศใหม่ นายพจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ในปีนี้เอง โจรได้ขยายฐานจากป่าเข้าสู่รัฐสภา จะพูดจะจาอะไรก็ตรงไปตรงมา พวกเขาบอกว่า เขาเป็น
ส.ส. ของรัฐปัตตานี มีหน้าที่ต่อสู้เพื่อการปลดปล่อย และให้การคุ้มครองประชาชน ไม่ให้ถูกรังแก
ส.ส. ในรัฐสภาพากันรู้และเห็นทุกอย่างแต่ไม่มีการใครจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้
แต่ยังโชคดีอยู่ที่สภาอยู่ได้ไม่นาน ส.ส. ทั้งหลายต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน การเผยแพร่อุดมการณ์แบ่งแยกดิน
แดนในรัฐสภา จึงหยุดไปด้วย ทว่า...ณ หมู่บ้านต่างๆใน ๓ จังหวัดชายแดน กลับเต็มไปด้วยความเข้มข้น มี
การปลุกระดมตลอดทั้งปี
มีการจัดตั้งกลุ่มยุวอิสลาม ยุวแนวหน้า และมวลชนอิสลามกู้ชาติ ตลอดทั้งกลุ่มแนวร่วมรวมแล้วมากกว่า ๒๕ กลุ่ม
แต่ละกลุ่มจะมีธงหรือสัญลักษณ์เป็นของตนเอง โดยมีธงปัตตานีเป็นแกนหลักให้ทุกกลุ่มยึดถือเป็นโองการเดียวกัน
โจรได้สอดแทรกศาสนาอิสลามเอาเข้ามาใช้เป็นแก่นทฤษฏี
ทำให้นักการเมืองทุกคน กลายเป็นนักการเมืองของนักรบ โดยมีเจตน์จำนงรบเพี่อชนเผ่าตนเอง ถ้านักการ
เมืองคนไหนแสดงออกไม่ตรงตามอุดมการณ์ จะมีการปล่อยข่าว
ประณาม ให้รู้กันไปในหมู่ประชาชน รวมทั้งถ้า "อิสลาม" คนไหนได้เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศไทย ไม่ว่าจะ
เป็นตำแหน่งอะไรก็ตาม ถ้าไม่ช่วยรบก็จะต้องไม่รังแกพวกเดียวกัน...
กระบวนการ "พูโต" ได้ปลูกฝังความเชื่อและความแน่วแน่ยากที่จะอธิบาย
นี้คือเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องจริง นับแต่ยุคของ "อับดุลกาเดร์"ผ่านไป มาจนถึงนักการเมืองนักการค้า
นักการเคลื่อนไหวต่างๆ ตลอดทั้งหัวหน้าองค์กรคนใหม่ ได้เข้ามาทำงานบัญชาการรบ แทนหัวหน้าคนเก่าที่ล้ม
หายตายจาก ทำให้เราได้เห็นปูมหลังที่เด่นชัดขึ้น
ฉากความวุ่นวายได้เกาะเกี่ยวเป็นลูกโซ่ร้อยกันเป็นพวงต่อเนื่องกัน อย่างไม่ขาดสาย โดยมีตัวละครที่สืบทราบ
ได้ ไม่ได้มีความลี้ลับอะไรเลย แต่ที่มันลี้ลับก็เพราะ ประเทศไทยติดอยู่กับทางตันแก้ไม่ตก จะขยับไปข้างหน้าก็
เจอเข้ากับการก่อวินาศกรรม การเข่นฆ่ารายวัน จะถอยหลังก็จะถูกเขาเฉือนดินแดน และยังถูกไส้ศึกแอบเล่น
งานอยู่ข้างใน
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากรัฐบาลไทยทุกรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง มีอำนาจแต่ไม่มีสติ
ปัญญา ไม่เคยจัดตั้งกลไกใดขึ้นมาเป็นตัวขับเคลื่อนในการแก้ไข รัฐบาลทุกรัฐบาลทำแบบสุ่มเสี่ยง เช่น เอา
ตำแหน่งและลาภยศมาล่อ รวมทั้งเอาผลประโยชน์มาเป็นเครื่องจองจำ หมายจะให้โจรปัตตานีติดกับ แต่โจร
ไม่เคยติดกับเลย รัฐบาลตะหากกลายเป็นฝ่ายติดกับ
ยิ่งรัฐบาลทำไปมากเท่าใด ยิ่งตกเป็นทาสในเรือนเบี้ยของโจรยากที่จะหลีกเลี่ยง
สุดท้าย รัฐบาลเอง ได้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกับพระพุทธศาสนาอันเป็นพระศาสนาที่มีคนไทยร้อยละ ๙๔.๓ เพื่อ
จะหาทางให้เกิดความสงบสุข โดยปล่อย คนพุทธถูกไล่ฆ่าฟัน ตัดหัวเสียบประจาร รวมไปถึงเอารถแทรคเตอร์
โค่นล้มสวนยาง จุดไฟเผา ขับไล่ให้ออกไปจากผืนดิน
สุดท้าย ชาวพุทธต้องหนีตายไปพึ่งวัด
ทั้งหลายทั้งปวงนั้นล้วนแต่เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาลทั้งสิ้น
เรื่องนี้ยังไม่จบ...จะกล่าวถึงในบทต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น