วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บทที่ ๑๓ กลยุทธของโจรพูโล

อยู่มาวันหนึ่ง ผมได้ต้อนรับชายวัย ๔๐ ชาวตรัง ชื่อประทีป เป็นวิศวกรเครื่องจักรกล มาสมัครงาน
ตำแหน่ง "นายช่างควบคุมการติดตั้งเครื่องจักร" ผมกำลังอยากได้อยู่พอดี จึงรีบรับสมัครและบรรจุงาน ให้ลง
มือทำงานในวันรุ่งขึ้น
ตอนแรกๆ นายช่างประทีป จะไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะงานเร่งเหลือเกิน ขนาดว่าวิ่งแล้วนะ ยังไม่ทันใจเลย
นายช่างประทีปทำงานอยู่กับนายช่างประกอบ จงคณารักษ์ ผมเข้าไปแจมด้วยเป็นครั้งคราว ทำให้ผมได้ทำงาน
ร่วมกันจึงใกล้ชิดสนิทสนมภายในเวลาอันรวดเร็ว
พอเขารู้จักชื่อผม เขาร้องอ้อ...อาจารย์นี้เอง ที่เขียนเจ้าพ่อกรรมกรในฟ้าเมืองไทย ผมตามอ่านจนกระทั่ง
ฟ้าเมืองไทยเลิกไป แล้วเขาก็ถามหาคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ และ"คำพูน บุญทวี " ผมบอกว่า " ท่านอา
จินต์ ปัญจพรรค์" ท่านยังเขียนหนังสืออยู่ วงการนักเขียนถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ส่วนคำพูน บุญทวี...กลาย
เป็นคนบุญหมด...ล้มหายตายจากไปนานแล้ว
"ตอนนี้อาจารย์สะอาดเขียนอยู่หรือเปล่า
มิทราบครับ..? ผมบอกว่าผมไม่มีเวลาเขียน"คุณก็เห็นมีแต่งานกับงาน จะเอาเวลาจับปากกาที่ไหนได้"
ผมจำเป็นต้องโกหก ไม่ได้บอกให้เขารู้ว่าผมใช้นามปากกาอื่นเขียนเรื่องภาคใต้
อีก ๑๐ วันต่อมา...ผมถือโอกาสสอบถามความเห็นนายช่างประทีปว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการก่อการร้ายที่
กำเริบเสิบสาน ทำยังกะบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป นายช่างประทีปพูดไม่กี่คำ แต่กินใจความมาก..เขาพูดว่า "
รัฐบาลถูกหัวหน้าโจรพูโตนั่งอยู่ใกล้ๆ หลอกกินตับ...เสียรู้โจร ถูกฆ่าตายรายวัน ยังมีหน้า มาพูดว่าแก้มาถูก
ทางแล้ว..." พูดแล้วสะบัดหน้าพรืด...มีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
ฟังคำตอบแล้ว...เชื่อเลย...เขาพูดจากใจจริง พูดตรงประเด็นเป๊ะ คำพูดของเขากลั่นออกมา
จากใจ เห็นได้จากใบหน้ามีแววฉุนลึก
ในสัปดาห์นั้น ผมหาโอกาสนัดกับเพื่อนเก่าแก่สมัยทำงานด้วยกันที่ ยูโนแคล เขาเป็นคนพื้นที่มาตั้งแต่เกิด
ภรรยาก็เป็นคนพื้น เขาคนนี้ได้เล่าระเอียดยิบเกี่ยวกับ "กลยุทธ์" ของพวกโจรพูโลให้ฟัง ท่านผู้นี้รู้ดีว่าผมเป็น
คนเขียนหนังสือ เพราะเขารู้จักอดีตอันยาวนานของผม
เขาเล่าแบบไม่ปิดบังเลย
กลยุทธ์ที่หนึ่ง... ทำอะไรก็ได้ ทำให้พี่น้องมุสลิมเกลียดคนไทย เอาให้เกลียดถึงกระดูกดำ ดังนั้น การฆ่าแล้ว
โยนความผิดให้ตำรวจ ถ้าโยนไม่ได้ ก็จะกล่าวโทษคนที่
ถูกฆ่าตายว่าทรยศต่อพวกเดียวกัน สมควรตาย
กลยุทธ์ที่สอง... โจรพูโล วางแผนสร้างนักรบมายาวนาน พวกอุสตาส(ครูสอนศาสนา)
รับหน้าที่อบรมสั่งสอนจิตสำนึก แล้วคัดเลือกคนส่งต่อให้หน่วยเหนือของเขา หาทางส่งไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศ
ทั้งโดยเปิดเผยภายใต้การสนับสนุนของรัฐ และแอบไปรับการฝีกแบบใต้ดินหลักสูตรให้เก่งภาษาอาหรับจบแล้ว
ให้ทางการ (ไทย) รับรองปริญญาตรี เมือกลับถึงประเทศไทยจะได้รับราชการบริหาร ๓ จังหวัดชายแดนภาค
ใต้ ขณะนักรบหนุ่ม(และสาว) กำลังฝีกอบรมอยู่ต่างประเทศ พ่อแม่จะได้รับเงินกองทุนช่วยเหลือครอบครัว จะ
ไม่ให้ได้รับความลำบาก
กลยุทธ์ที่สาม... สร้างนักการเมืองในทุกระดับ ส่งลงเลือกตั้งทุกพรรคการเมือง ทั้งใน ๓ จังหวัดภาคใต้และ
ทั่วประเทศ กระจาย "นักการเมือง" ออกไปทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เพื่อการยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ
สร้างอำนาจต่อรองให้มีกำลังมากขึ้น
กลยุทธ์ที่สี่... ประสานงานกับองค์กรมุสลิม มีการเดินทางไปมาหาสู่เชื่อมสัมพันธไมตรี ผูกมิตร แล้วถือโอกาส
เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกล่าวหาประเทศไทยของตัวเอง โดยบอกให้สังคมภายนอกเข้าใจผิด คิดว่าปัตตานีตก
เป็นเมืองขึ้นของไทย ในกลยุทธ์ตัวนี้ โจรพูโลไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะทะเบียนเมืองขึ้นของโลก
ไม่มีรายชื่อประเทศปัตตานี
โจรปัตตานี จึงหันไปให้ข้อมูลเท็จ ฆ่ากันเองแล้วหาว่าถูกอุ้ม ไม่มีใครรังแกก็หาว่ารังแก ไม่ยอมทำงานอะไร
เลย ก็หาว่ารัฐบาลเอาใจใส่แต่พวกพุทธ ปล่อยทิ้งมุสลิมไม่ใยดีกลยุทธ์ที่ห้า... สร้างสุเหร่าให้มากเข้าไว้ แม้ว่าบางหมู่บ้านจะมีอิสลามเพียงครอบครัวเดียวก็สามารถ "หา
เงินมาสร้างสุเหร่าได้" แล้วก็ออกข่าวเสมอว่า จำนวนประชากรของมุสลิมในประเทศไทย มีมากเป็นอันดับ
สองของประเทศพูดให้มากเข้าไว้
กลยุทธ์ที่หก... ออกวารสารและนิตยสารภายในที่ไหนก็ตาม เนื้อหาจะต้องสะท้อนปัญหาของอิสลามทั่วโลก
แล้วดึงมาลงว่าประเทศไทยก็มีปัญหาไม่หย่อนไปกว่ากันพร้อมกับได้สนับสนุนให้ปัญญาชนออกมาทำสื่อให้มากขึ้น
สร้างองค์กรประชาชนด้านนี้ เพื่อการเผยแพร่ให้กว้างขวาง
กลยุทธ์ที่เจ็ด... ได้รับผลกระทบอะไรเล็กน้อยก็ตาม ให้โวยวายทันที
กลยุทธ์ที่แปด... จัดตั้งกองกำลังส่วนหน้า กองหนุน และจัดตั้งแนวร่วมให้กระจายครบ ๕ จังหวัด แต่ให้เน้นที่
๓ จังหวัดก่อน ถ้าได้ยินเสียงบอกกล่าวให้ระดมผู้คนไม่ว่ากรณีใดๆ ให้จัดการระดมคนภายใน ๓ ชั่วโมงเฉพาะ
หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ให้ระดมได้ทันที หมู่บ้านไหนไม่ให้ความช่วยเหลือ จะถูกขึ้นบัญชีดำ
กลยุทธ์ที่เก้า... เป้าหมายคือแบ่งแยกดินแดน แต่เวลาแส่ดงความคิดเห็น ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม จะไม่บอกแม้แต่
ประโยคเดียวว่าต้องการแบ่งแยก สิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง คือ "ขอปกครองตนเอง" โดยยินดีที่จะให้รัฐบาล
กลางเป็นผู้บริหาร กลยุทธ์ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจเพราะว่าถ้าได้ปกครองตนเอง จะเป็นเงื่อนไขไปสู่การ "
ปกครองกันเอง" จะทำให้การแยกตัวเองอย่างแท้จริงง่ายขึ้น
กลยุทธ์ที่สิบ... เรียกร้องให้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษากลาง ประดาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. และ ข้าราชการทั้ง
หลายร้อยละ ๘๐ ต้องเป็นอิสลาม
กลยุทธ์ที่สิบเอ็ด... กองกำลังทั้งหมด แม้จะจบวิชาฆ่ามาจากต่างประเทศ มีความชำนาญในการใช้อาวุธ แต่
ให้เริ่มต่อสู้ด้วยอาวุธโบราณ เช่น มีดสปาต้า กริช การฆ่าให้เชือดคอเชือดลูกกระเดือก หรือไม่ก็ตัดหัวหิ้วเอา
ไปประจาน แสดงออกประหนึ่งเป็นการระบายความแค้น
กลยุทธ์ที่สิบสอง...หลอกล่อ ยั่วยุให้ฝ่ายราชการใช้กำลังปราบปราม เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่าถูกปราบปราม
อย่างทารุณ ไม่มีความยุติธรรม
กลยุทธ์ที่สิบสาม...โปรยใบปลิว ปลุกระดมชาวบ้านให้เข้าร่วม พวกอุสตาสออกไปพบกับชาวบ้านแจ้งให้ทราบว่า
อีกไม่นานจะชนะ
กลยุทธ์ที่สิบสี่...เริ่มปฏิบัติการกับพระพุทธศาสนาและชาวพุทธ ขับไล่ให้ออกไปจากดินแดนถ้าใครไม่กลัวตาย
ให้ฆ่าทิ้งอย่างเหี้ยมโหด ไม่เลือกลูกเด็กเล็กแดง
กลยุทธ์ที่สิบห้า...ให้คอยฟังสัญญาณปลดปล่อยปัตตานี เมื่อได้รับสัญญาณ ให้ทุกคนออกไปยึดที่ทำการของรัฐบาล
ทุกแห่ง เอาเด็กและผู้หญิงเป็นเกราะกำบังกะว่าจะใช้คน ๕ แสน หรือ ๒ ล้านคน ก็จะสามารถยึดได้ภายใน
วันเดียว แล้วประกาศเอกราช...
และวันนั้นชาวปัตตานี จะได้เห็นหน้าว่า ใครคือสุลต่าน หรือ ประธานาธิบดี คนแรกของชาวปัตตานีที่รอคอยมา
๑๐๐ ปี แล้วจะได้เห็นแม่ทัพนายกอง ตลอดทั้งคณะผู้บริหารประเทศใหม่ ภายใต้ธงชาติปัตตานี พวกโจรปัตตานี
เขามั่นใจของเขามาก
เพื่อนเก่าแก่ในยูโนแคล คนพื้นที่โดยแท้นำเอาข้อลี้ลับมาเล่า และยืนยันว่าเป็นความจริงครบทุกกลยุทธ์ไม่ใช่ปั้นแต่งขึ้น
กลยุทธ์ที่สิบหก... เป็นกลยุทธ์พลิกผันไปตามสถานการณ์ จะมี "คำลั่งพิเศษ" ออกมาเป็นระยะโดยจะปรับเข้า
กับกลยุทธ์เก่าหรือกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่ง
เพื่อนของผมบอกซ้ำว่า กลยุทธ์ของพวกโจรพูโลร้ายกาจมากแล้วจับมือถือแขนเขย่า ด้วยความคับแค้นใจ บอก
กับผมว่า ถ้าคุณสอาดเขียนหนังสือเปิดหน้ากากเมื่อใด ให้แปลเป็น๔ ภาษา คือภาษาอังกฤษ อาหรับ ภาษาจีน
โดยมีไทยเป็นแม่บท คนจะได้รู้กำพืดที่แท้จริงของโจรปัตตานี
ผมรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักที่ได้รับรู้กลยุทธ์ลี้ลับที่พวกโจรวางเป็นกระดานเอาไว้ให้ขบวนการของพวกเขาเดินตาม
อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ผมเชื่อว่าโจรเขาแน่นมาก..โจรปัตตานีไม่ใช่โจรกระจอกอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: